คาถาเงินล้าน 99 จบ พลิกชีวิต ค้าขายมีแต่ร่ำรวย

56459 จำนวนผู้เข้าชม  | 

คาถาเงินล้าน 99 จบ พลิกชีวิต ค้าขายมีแต่ร่ำรวย

 

 

 

พระคาถาเงินล้าน 
 

คาถาเงินล้าน
(คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า)
(พระราชพรหมยาน หรือ ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

 





 
 
(นะโม ๓ จบ)


นาสังสิโม

พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ

พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม

มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม

มิเตภาหุหะติ

พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย

วิระโคนายัง วิระหิงสา

วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ

มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม

สัมปะติจฉามิ

เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ

 

 



(ให้ว่าคาถานี้ ๓๐ จบต่อวัน แต่ถ้าเป็นไปได้ควรทำให้ได้มากกว่า อายุ หรือคลอไปตลอดวันด้วยใจเป็นสมาธิ จะได้ผลเร็วขึ้น เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกตํ่า ท่านบอกว่า คนที่สวดคาถานี้เป็นประจำจะมีความคล่องตัว ใครจะตกตํ่าเราไม่ตกตํ่า การทำมาหากินคล่องตัว เพราะฉะนั้นจงอย่าประมาท เร่งภาวนาสั่งสมความดีช่วยงานพระศาสนา จะเป็นมงคลแก่ตนและครอบครัว)

 






สัมปจิตฉามิ คาถาสนองกลับ 

นาสังสิโม คาถาพระพุทธกัสสป



บทแรก

"พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ"


อันนี้ตัดอุปสรรค ที่ลาภจะมา แต่เขามาบอกว่า มีผลแน่นอน คือว่าแกจะไม่ยอมให้ลูกแกจน พูดง่าย ๆ ก็แล้วกัน พระพุทธเจ้า ก็ทรงยืนยันบอกว่า ให้หมด

บทที่สอง

"พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม"
.....คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินแสนของท่าน

บทที่สาม

"มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม"
.....บทนี้เป็นคาถาปลุกพระวัดพนัญเชิง



บทที่สี่

"มิเตพาหุหะติ" เป็นคาถาเงินล้าน



บทที่ห้า

"พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา 
วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม"

.....เป็นคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า



บทที่หก

"สัมปติฉามิ" บทนี้เป็นบทเร่งรัดบทสุดท้าย



บทที่เจ็ด

"เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ"

 


..... พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อ เมื่อ พ.ย.2533 เป็นภาษาโบราณแต่เทียบกับภาษาไทย อ่านได้อย่างนี้ เป็นคาถามหาลาภ มีผลยิ่งใหญ่มาก ทั้งหมดนี้ต้องสวด เป็นบทเดียวกัน




 




คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า

         คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี้ หลวงพ่อปานได้เรียนมาจากครูผึ้ง อายุ ๙๙ ปี เป็นคาถาให้คุณทางลาภผล และเป็นฌานสมาบัติ มีคุณเป็นทิพยจักษุญาณด้วย และยกฐานะของผู้ปฏิบัติ ไม่ให้ขัดสยากจนด้วย ศิษย์ของหลวงพ่อปานได้ฝึกคาถานี้ มีฐานะมั่นคงหลายสิบอย่าง ที่รู้จักกันมากก็คือ นายประยงค์ ตั้งตรงจิต เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ ท่าเตียน จังหวัดพระนคร เคยสนทนากับนายประยงค์ ท่านนายห้างบอกถึงวิธีปฏิบัติเกิดผลมหาศาล ท่านเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้
ปฏิปทาของนายประยงค์


         ๑. ทุกเช้าเย็น ท่านสวดมนต์และว่าคาถานี้ต่อหน้าพระพุทธรูปคราวละ ๙ จบทุกเช้าเย็น


         ๒. เมื่อสวดคาถานี้แล้ว ท่านนั่งภาวนาคาถานี้จนสบายใจทุกวัน คือตั้งเวลาไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ทำจนจิตเป็นสมาธิ พอสบายใจแล้วก็ไปทำงานตอนเช้า หรือพักผ่อนในตอนค่ำ


         ๓. ใส่บาตรทุกเช้า ก่อนใส่บาตรท่านว่าคาถานี้ ๙ จบ ก่อนใส่บาตร ถ้าวันใดไม่มีพระมาบิณฑบาต ท่านใช้เก็บเงินไว้แทนการใส่บาตร ตามแบบที่หลวงพ่อปานสอน ท่านให้เก็บข้าวสารหรือเงินก็ได้เอาไว้แทนการใส่บาตร ก่อนเก็บว่าคาถานี้ ๙ จบ เหมือนก่อนใส่
บาตรวันต่อไปให้เอาไปถวายพระเป็นค่าภัตตาหาร


         ๔. ก่อนเอาเงินเก็บตอนเย็น หรือก่อนเอาเงินออกใช้ตอนเช้า ท่านว่าคาถานี้ ๙ จบ คือขณะที่เก็บเงินนั้น ให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยแล้วว่าคาถา ๙ จบ จึงเอาเงินเก็บในที่เก็บ ตอนเช้าก่อนเอาเงินออกใช้ เมื่อจับเงินแล้ว ยังไม่นำออก ว่าคาถานี้ ๙ จบ แล้วนำเงิน
ออก


         ท่านบอกว่า ท่านทำอย่างนี้เป็นปกติ จนกลายเป็นคนมีเงินมีทองมากมาย ทำบุญด้วยจำนวนเงินหลายสิบล้าน หายากนักที่จะมีผู้ศรัทธาเสมอท่าน คาถานี้ว่าดังนี้


         พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ (บทนี้ว่าเที่ยวเดียว)
         วิระธะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
          มานี มามะ พุทธัสสะ สวาโหม ฯ (คาถานี้มีเพียงเท่านี้) 

 

 

 

ตำนานคาถาเงินล้าน

 

พ่อครูผึ้ง เมืองกรุงเก่า ผู้สอนคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์

 พ่อครูผึ้ง เมืองกรุงเก่า ผู้สอนคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์

ท่านครูผึ้ง หรือ ครูผึ้ง ท่านเป็นอาจารย์ฆราวาสสำคัญในประวัติศาสตร์ทรงคุณวิทยาของไท ด้วยศิษย์ของพ่อครูผึ้งหลายท่านภายหลังเป็นยอดพระเถราจารย์ที่รู้จักทั่วไป ครูผึ้งท่านนี้เป็นอาจารย์ผู้ถ่ายทอด คาถาพระปัจเจกโพธิ์ ให้กับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดอยุธยา คาถานี้ถ่ายทอดเรียนรู้สืบมาตราบจนปัจจุบัน เชื่อว่ามีคุณวิเศษทางเจริญลาภ และอำนวยผลทางเสริมทรัพย์


 

คาถานี้ภายหลังหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี สืบทอดคาถานี้ต่อมา และได้สั่งสอนศิษย์สืบมาตราบปัจจุบัน ขอนำประวัติคราวหลวงพ่อปานไปพบครูผึ้ง จากคำบอกเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำดังนี้

 

 




พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์นี้ หลวงพ่อปาน ได้เรียนมาจากครูผึ้ง จ.นครศรีธรรมราช

(ท่านทำทานให้ขอทานครั้งละ ๑ บาท สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวข้าวแกงจานละห้าสตางค์เอง)




เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ หลวงพ่อปาน พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางไปทุกภาคของประเทศไทย ทิศเหนือได้ไปถึงเชียงตุงของพม่า ทิศตะวันออกไปสุดภาคอีสาน และได้ขออนุญาตข้ามเขต ไปในอินโดจีนของฝรั่งเศส ถึงประเทศญวน ทิศใต้ได้ไปถึงปีนังของอังกฤษ

พบท่านครูผึ้ง
เมื่อไปถึงนครศรีธรรมราช ในเย็นวันที่ได้ไปถึงนั่นเอง ขณะที่หลวงพ่อปานเข้าห้องจำวัดพักผ่อน โดยมีพระภิกษุอุปฐากกับทายก คอยเฝ้าอยู่หน้าห้องพักนั้น ประมาณเวลา ๑๗.๐๐ น. ได้มีท่านผู้มีอายุท่านหนึ่ง รูปร่างเพรียว ท่าทางสง่า ผิวขาว นุ่งห่มผ้าม่วงสีน้ำเงิน สวมเสื้อนอกราชปะแตน กระดุมห้าเม็ด ถุงเท้าขาว รองเท้าคัชชูสีเทา สวมหมวกสักหลาด ถือไม้เท้าเลี่ยมทอง ได้มาหาพระอุปัฏฐาก ถามว่า



"หลวงพ่อตื่นแล้วหรือยัง?"


ก็พอดีได้ยินเสียงหลวงพ่อพูดออกมาจากห้องว่า


"ไม่หลับหรอก แหมนอนคอยอยู่ คิดว่าผิดนัดเสียแล้ว"


แล้วหลวงพ่อก็เดินออกมาจากห้องพัก เมื่อนั่งลงแล้ว ผู้เฒ่าผู้มาหาพูดว่า


"ผมไม่ผิดนัดหรอกครับ เห็นว่าท่านเพิ่งมาถึงใหม่ๆ กำลังเหนื่อย และมีคนมาคอยต้อนรับกันมาก ก็เลยรอเวลาไว้ก่อน ตอนเย็นนี้คิดว่าว่างจึงเลือกเวลามา"


ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น สร้างความสงสัยให้แก่คณะที่ได้ไปด้วยกันเป็นอันมาก เพราะไม่เคยเห็นว่าคนทั้งสองพบกันที่ไหนเลย ทำไมจึงพูดกันถึงเรื่องนัดหมาย ขณะที่คณะเกิดสงสัยนั่นเอง หลวงพ่อได้พูดว่า

"พวกเราสงสัยหรือ ? ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกต่อไป โยมผู้เฒ่านี้ได้ทางใน ฉันพบกับโยมตั้งแต่เดินทางมาถึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้นัดหมายกันไว้ว่า จะมาพบกันที่นี่ ต่อไปนี้พวกเราจะพ้นความยากจนแล้ว เพราะโยมผู้นี้มีของดี"


แล้วหลวงพ่อก็พูดกับผู้เฒ่านั้นว่า


“โยมมีของดี ก็เอาของดีออกมาอวดพวกนี้หน่อยซิ หรือมีอะไรขัดข้อง?
ท่านผู้เฒ่าได้บอกว่า ท่านชื่อผึ้ง อายุ ๙๙ ปี

 





ท่านครูผึ้งเล่าประวัติพระคาถา
(มองดูแล้วคนในคณะที่ไปกับหลวงพ่อ อายุ ๕๐ เศษ เหมือนจะแก่กว่าเท่าๆ กับท่าน) เมื่ออายุท่านได้ประมาณ ๕๐ ปี ได้มีพระธุดงค์เดินธุดงค์มารูปเดียว ท่านเห็นพระรูปนั้นแล้วรู้สึกเลื่อมใสมาก จึงได้นิมนต์ให้พักอยู่เพื่อบำเพ็ญกุศล ๔ วัน ได้ปฏิบัติท่านอย่างดีเท่าที่จะทำได้ ได้เรียนกรรมฐานจากท่าน ท่านได้สอนให้เป็นอย่างดี เมื่อจะกลับท่านพูดว่า

"โยมฉันจะลากลับ ต่อไปจะไม่ได้มีโอกาสผ่านมาอีก หากโยมอยากพบอาตมา ก็ขอให้จุดธูปอาราธนาพระ แล้วอาตมาจะมาพบทางใน"



แล้วท่านได้มอบพระคาถา พระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์บทนี้ให้ พร้อมทั้งอธิบายวิธีปฏิบัติ ท่านว่า

“ทำเพียงเท่านี้พอเลี้ยงตัวรอด เงินทองของใช้ไม่ขาดมือ ถ้าปฏิบัติเป็นกรรมฐานทำให้ถึงฌานแล้ว จะร่ำรวยเป็นเศรษฐี โยมเอาพระคาถาบทนี้ภาวนาเป็นกรรมฐานเถิดนะ ไม่เกิน ๒ ปี โยมจะร่ำรวยใหญ่ เงินทองจะหลั่งไหลมาเอง พระคาถาบทนี้ของปัจเจกะพุทธเจ้า ตระกูลอาตมาได้เรียนสืบต่อกันมาทุกคน ไม่มีใครจน อย่างจนก็พอเลี้ยงตัวรอด”

 

หลวงปู่ปานวัดบางนมโค

 


ให้หลวงพ่อปานเรียนพระคาถา
เมื่อพูดจบ ได้มอบพระคาถาให้หลวงพ่อเรียน แล้วบอกว่า”ได้โปรดอย่าปิดบังพระคาถาบทนี้เลย ขอได้กรุณาแจกเป็นธรรมทานด้วย” แล้วหลวงพ่อก็หลับตาเข้าสมาธิ ท่านครูผึ้งก็หลับตาเข้าสมาธิ ต่างคนต่างหลับตา ประมาณ ๕ นาที ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน ต่างคนต่างยิ้ม เสียงท่านครูผึ้งพูดว่า "ผมดีใจด้วยที่ต่อไปเบื้องหน้า ท่านจะได้ศิษย์คู่ใจ" หลวงพ่อก็หัวเราะ

ตอบคำถามหลวงพ่อ
หลวงพ่อถามว่า ท่านอาจารย์ทำนานนักไหมจึงจะรู้ผล อาจารย์ตอบว่า ไม่นานครับ ประมาณเดือนแรกผ่านไปเริ่มรู้ผล ผลระยะแรกให้ผลในทางกินก่อน เช่นหุงข้าวตามธรรมดา คนกินในบ้านก็กินเท่าเดิม เพิ่มการใส่บาตร แต่ข้าวเหลือ ผมเคยได้ว่าคนหุง ทำไมหุงมากนัก เขาบอกว่าหุงเท่าเดิม ผมจึงสั่งให้ลด จนเหลือครึ่งจำนวนพอดี

เงินเริ่มเพิ่ม
เมื่ออาหารเริ่มลดความหมดเปลือง รายได้ก็เพิ่มขึ้นในระยะ ๑ปี ผ่านไปเรื่องการเงินเริ่มไหวตัว เงินในที่เก็บเริ่มเกินบัญชี เงินจากร้านค้ารับมานับว่าพอดี พอรุ่งขึ้นมาตรวจ เงินมากกว่าจำนวนทุกที ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด เดี๋ยวนี้ผมทำอะไรไม่ไหว แต่ผมก็มีรายได้ทุกวัน ใครไปใครมา ขากลับคนนี้ให้บ้าง คนนั้นให้บ้าง คิดเฉลี่ยผมมีรายได้วันละประมาณเกือบร้อยบาท พระคาถาบทนี้ศักดิ์สิทธิ์มากครับ

ทำเป็นกรรมฐาน
หลวงพ่อได้ถามว่า ท่านอาจารย์ทำอย่างไร อาจารย์ตอบว่า ผมทำเป็นกรรมฐานเลยครับ ทำจนสว่าง หลับตาลง แล้วเกิดความสว่างขึ้น ได้เห็นพระพุทธรูปบ้าง พระสงฆ์บ้าง มีอยู่องค์หนึ่งครับจีวรสวยมาก ไม่เหมือนจีวรพระธรรมดา แล้วเริ่มเห็นเงิน คราวแรกๆ เป็นจำนวนน้อยๆ ต่อมาก็เห็นจำนวนมากตามลำดับ จนถึงกองใหญ่เหลือที่จะนับ ตอนนี้เองครับ เงินทองไหลมากันใหญ่ ทำอะไรนิดทำอะไรหน่อยก็ดีไปหมด คนอื่นเขาทำขาดทุน ผมลองไปบ้างก็มีกำไรดีเสียด้วย

ของเพิ่ม
มีเรื่องแปลกอีกครับ นอกจากเงินเพิ่มแล้ว ของก็เพิ่มอีกด้วย ข้าวของที่มีอยู่หรือหามาใหม่ มีบัญชีจดไว้ครบถ้วน ครั้นไปตรวจคราวใดของเกินบัญชีทุกที

เคล็ดลับ
หลวงพ่อถามว่า มีเคล็ดลับอะไรบ้างในการนำของเข้าออก และการเก็บเงินใช้เงิน

อาจารย์ตอบว่า มีครับ แหม ผมเกือบลืมบอก ดีแล้วครับ ถามดีมาก เรื่องนำข้าวของไม่ว่าเป็นอะไร จะเป็นของกิน ของใช้ ของขายก็ดี ผมทำน้ำมนต์ด้วยพระคาถาบทนี้ไว้ เมื่อนำข้าวของเข้าบ้าน ผมเอาใบพลู ๓ ใบ จุ่มน้ำมนต์พรมของนั้น ๓หน พรม ๑ หน ว่าพระคาถาหนึ่งจบ

การนำเงินเข้าเก็บและนำออกใช้
เมื่อนำเงินเข้าเก็บ และนำออกมาใช้ ให้ว่าพระคาถานี้ เท่ากับจำนวนที่สวดบูชาพระ เช่น ปกติสวด ๗ จบ เมื่อนำเงินเข้าเก็บก็ว่าพระคาถานี้ ๗ จบ เมื่อนำออกใช้ก็ว่า ๗ จบ แต่อย่านับเงินก่อนให้จับเงิน แล้วว่าพระคาถาครบจำนวน จึงนำเงินออกมานับนอกที่เก็บ

อานิสงส์พระคาถา
พระคาถา นอกจากจะให้ผลในเรื่องความเป็นอยู่อย่างมีความสุขสบาย เงินทองเหลือใช้สอย ของที่ต้องการปริมาณก็เพิ่มขึ้น ของที่ต้องการน้ำหนักก็เพิ่มน้ำหนัก ของกินของใช้ก็ไม่สิ้นเปลือง เมื่อผมได้ภาวนาเรื่อยไป จนได้สมาธิสูง เลยเห็นเหตุการณ์ของโลกอื่น ผมหมดสงสัยเรื่องโลกอื่นแล้วครับ

หลวงพ่อได้ศิษย์คนแรก
เมื่อได้เดินทางจากนครศรีธรรมราชไปแล้ว เป็นเวลา ๑ เดือน คณะชุดนั้นก็ได้เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ หลวงพ่อได้พักที่คณะ ๙ วัดสระเกศ พอรุ่งขึ้นมีศิษย์พากันเอาอาหารไปถวาย ขณะฉันอาหาร หลวงพ่อได้พูดกับท่านเจ้าคณะ ๙ ชื่อจีน ว่า

ผมไปปักษ์ใต้มา ได้พระคาถาดีมาบทหนึ่ง

ว่าแล้วท่านก็พูดถึงพระคาถา ตามที่ท่านครูผึ้งได้บอก เป็นที่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง คนที่ไปนั่งอยู่ที่นั่นด้วยกัน เกือบร้อยคนไม่มีใครสนใจ ต่างคนต่างฟังกันเฉย มีแต่นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ควักสมุดพกขึ้นมาจดพระคาถาทันที เมื่อเสร็จภัตรกิจแล้ว ต่างคนต่างกลับ นอกจากนายประยงค์ รอพบว่างคนก็เข้าไป กราบหลวงพ่อขอเรียนพระคาถา หลวงพ่อหัวเราะชอบใจแล้วว่า

เอออ้ายลูกหัวปี เอาเถอะพ่อให้อีก ๒ ปีลูกเอ๋ย เอ็งจะรวยใหญ่ ไปทำเป็นกรรมฐานเลยนะลูกนะ

แล้วต่อมาประมาณ ๒ ปีเศษ นายประยงค์เล่าให้หลวงพ่อเล็ก เจ้าอาวาสวัดบางนมโคฟัง มีอาการเหมือนท่านครูผึ้งทุกประการ ท่านเล่าว่า

เมื่อก่อนทำพระคาถานี้ ผมยากจน ขายของก็ยาก เดือนไหนมีกำไรถึง ๒๐๐ บาท เดี๋ยวนี้สบายแล้วครับ หลวงพ่อจะเอาเท่าไร ผมถวายทั้งนั้นขอให้บอกมาเถอะ หลวงพ่อออกปากผมไม่หนักใจเลย หลวงพ่อเรียกเอาเงิน ดูเหมือนผมยิ่งได้มากขึ้นแปลกครับ

นี่เป็นถ้อยคำของนายประยงค์ ศิษย์คนแรกในการเรียนพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์ โปรดสัตว์ของหลวงพ่อปาน ซึ่งเรียนมาจากท่านพระครูผึ้งดังกล่าว

อภินิหารพระคาถาและเงินงอก
นายประยงค์เล่าว่า เรื่องอาหารรับประทาน ไม่เปลืองเหมือนเมื่อท่านครูผึ้งเล่า ยังเล่าต่อไปอีกว่า

เรื่องยาไทยที่ห้างก็แปลก เมื่อทำยาเสร็จแล้วก็ได้ลงบัญชีไว้ครบ ครั้นเมื่อขายไปครบตามจำนวนเงิน ก็ได้ตามจำนวนบัญชี แต่ยานั้นยังเหลืออีก ในตอนแรกผมคิดว่าเจ้าหน้าที่นับไม่ถ้วน ต่อมาผมตรวจเอง ก็เป็นอย่างนั้นเสมอ

นายห้างเล่าต่อว่า

ปกติขายยาได้เงินมาแล้ว นำเข้าธนาคารทุกวัน เมื่อเบิกเงินเพื่อใช้จ่าย ผมยังไม่ยอมนับเงินนั้น และไม่ใช้ในวันนั้น ผมเอาเข้าที่เก็บก่อนหนึ่งคืนตามวิธี พอรุ่งขึ้นออกตามวิธี ตามที่ได้สังเกตและจำได้ เงินหนึ่งหมื่น เมื่อเก็บแล้วคืนหนึ่ง เมื่อเอาออกมานับในวันรุ่งขึ้น จะได้เกินกว่าหนึ่งพันเสมอ นี่ก็เป็นอภินิหารอีกอย่างหนึ่ง ยังเป็นเมตตามหานิยมในตัวอีกด้วย ผมสบายใจแล้วครับ เงินก็มีใช้ บุญก็ได้ทำอย่างชนิดไม่ต้องอั้นเลย

นายประยงค์บอกว่า

ผมสู้คุณย่าผมไม่ได้ ท่านเป็นผู้ภาวนาพระคาถานี้วันยังค่ำ เว้นไว้แต่เมื่อมีผู้ไปคุยกับท่านเท่านั้น ท่านภาวนา ไม่ว่าท่านจะยืน เดิน นั่ง นอน ท่านไม่ยอมให้ว่างเลยครับ ผลที่ได้หรือครับ เซฟที่อยู่หน้าที่บูชา ๓ เซฟ เป็นเซฟเปล่าทั้งสิ้น วันหนึ่งท่านเรียกพวกเราไปหา ท่านให้ไขเซฟดู ปรากฏว่าเต็มไปด้วยธนบัตรใบละร้อย เมื่อถามท่าน ท่านเล่าให้ฟังว่า

เงินมาเอง มาด้วยอำนาจพระคาถานี้

เราถามท่านว่ารู้ได้อย่างไร ท่านบอกว่า

เมื่อคืนนี้ย่ากำลังภาวนาพระคาถานี้อยู่ เกิดอาการสบายเคลิ้มไปอย่างไม่รู้ตัวสักครู่ พอรู้สึกตัวเห็นแสงสว่าง พุ่งเป็นลำเข้าไปในเซฟ มีเสียงบอกว่า "เงินมา เงินเข้าเซฟ ทำใจให้สบายไว้" ย่าเลยทำใจให้สบาย คุมสมาธิไว้ครู่หนึ่ง ต่อไปแสงนั้นก็หายไป ย่าก็เลยหลับไปเท่านี้แหละลูก พระคาถานี้ท่านดีจริงๆ อย่าทิ้งนะลูก พวกเอ็งเอาเงินไป จะทำอะไรก็ทำเถิด แต่อย่าลืมทำบุญด้วยนะ ทำมากเท่าไรยิ่งดี

 


..........
เขียน / เรียบเรียง โดย : คณะทีมงานเบอร์ทองสุข
..........
Cr. ข้อมูลและภาพประกอบบทความจาก
หนังสือธัมมวิโมกข์
..........
หนังสือเรื่องเล่าเคล้าปาฏิหาริย์ตำนานวัตถุมงคล
หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆสิตาราม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้